1. ฤทธิ์ต้านการอักเสบ: การอักเสบมีบทบาทสำคัญในการทำให้โรคเบาหวานแย่ลงและกำเริบมากยิ่งขึ้น คุมน้ำตาลในเลือดได้ยาก สาร CBD มีคุณสมบัติต้านการอักเสบ ซึ่งการลดการอักเสบในร่างกาย จะช่วยปกป้องเซลล์ตับอ่อน และช่วยให้มีความสามารถในการผลิตอินซูลินได้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
2. การปรับปรุงความไวของอินซูลิน: การศึกษาพบว่า CBD สามารถปรับปรุงความไวของอินซูลินในโรคเบาหวานชนิดที่ 2 ได้ โดยการเพิ่มความสามารถของร่างกายในการตอบสนองต่ออินซูลินมากขึ้น ซึ่งสาร CBD จึงสามารถช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น นั่นเอง
3. ลดความเครียดจากปฏิกิริยาออกซิเดชันในร่างกาย: ความเครียดจากปฏิกิริยาออกซิเดชันมีส่วนช่วยให้เกิดภาวะแทรกซ้อนของโรคเบาหวานได้ เช่น โรคระบบประสาท โรคไต และโรคจอประสาทตา สาร CBD มีคุณสมบัติต้านอนุมูลอิสระที่อาจช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระและลดความเครียดจากปฏิกิริยาออกซิเดชั่น ดังนั้นจึงอาจป้องกันหรือชะลอการเกิดภาวะแทรกซ้อนเหล่านี้ นั่นเอง
4. การปรับการทำงานของระบบเอนโดแคนนาบินอยด์: ระบบเอนโดแคนนาบินอยด์ (ECS) มีบทบาทสำคัญในการเผาผลาญพลังงานและสภาวะสมดุลของน้ำตาลกลูโคสในเลือด ซึ่งสาร CBD อาจส่งผลต่อ ระบบ ECS โดยการยับยั้งเอนไซม์ที่ทำลาย endocannabinoid ทำให้การควบคุมระดับน้ำตาลดีขึ้นและลดภาวะดื้อต่ออินซูลินได้
5. ยับยั้งการก่อตัวของสารพิษในปฏิกิริยาไกลเคชั่นขั้นสูงในร่างกาย (AGEs): AGEs เป็นสารประกอบที่เกิดขึ้นเมื่อโปรตีนหรือไขมันกลายเป็นไกลเคชั่น เนื่องจากการสัมผัสกับน้ำตาลเป็นเวลนาน ซึ่งสารพิษเหล่านี้จะเกี่ยวข้องในการนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนของโรคเบาหวาน ซึ่งสาร CBD จะช่วยยับยั้งการก่อตัวของ AGEs ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงของภาวะแทรกซ้อนต่างๆได้
6. ส่งเสริมการทำงานของ β-cell: β-cell ของตับอ่อนมีหน้าที่ผลิตอินซูลิน โดยสาร CBD มีคุณสมบัติในการฟื้นฟูเซลล์ตับอ่อนและการทำงานของเซลล์ β ซึ่งจะช่วยรักษาความสามารถของร่างกายในการผลิตอินซูลินให้เพียงพอต่อร่างกายต้องการได้
7. ลดอาการปวดเส้นประสาท: โรคระบบประสาทจากเบาหวานเป็นภาวะแทรกซ้อนที่พบได้บ่อยของโรคเบาหวาน โดยมีลักษณะความเสียหายของเส้นประสาทและเกิดความเจ็บปวดขึ้นได้ โดย สาร CBD มีประสิทธิภาพในการบรรเทาอาการปวดเมื่อยตามระบบประสาท ซึ่งสามารถทำให้คุณภาพชีวิตของผู้ป่วยโรคเบาหวานที่ประสบกับภาวะแทรกซ้อนนี้ดีขึ้นได้