เบต้าแคโรทีน
เบต้าแคโรทีนเป็น ชื่อที่เคยติดหูทางด้านอาหารเสริมอยู่เมื่อประมาณ 2-3 ปีที่แล้ว ประมาณว่า ณ ตอนนั้น ใครที่สนใจอาหารเสริม ไม่มีใครไม่รู้จักเบต้าแคโรทีน เพราะว่า เบต้าแคโรทีน ถือว่า เป็นอาหารเสริมต้านอนุมูลอิสระที่เป็นที่นิยมอยู่ใน ขณะนั้น แต่ในปัจจุบัน ถึงแม้ความนิยมของเบต้าแคโรทีนจะ ไม่เป็นที่ติดปากเท่าไร แต่ก็ยังเป็นที่นิยมและ อยู่ในส่วนผสมของอาหารเสริมชนิดต่างๆ อยู่ตลอด
เบต้าแคโรทีน จัดว่าเป็นสารที่มีอยู่ตามธรรมชาติ ที่จัดอยู่ในกลุ่มที่เรียกว่า แคโรทีนอยด์ ซึ่งเป็นสารที่เป็นพวกสีแดง สีเหลือง สีฟ้า ที่เราเห็นตามผลไม้ต่างๆ นั่นเองครับ
ความพิเศษอีกอย่างหนึ่งที่เรา ค้นพบ ก็คือว่า เบต้าแคโรทีน สามารถที่จะเปลี่ยนไปเป็นวิตามินเอได้ ซึ่งเหมาะสำหรับ ผู้ที่มีความกังวลว่า ถ้ารับประทานวิตามินเอมากๆ จะทำให้สะสมในร่างกายแล้วเกิดภาวะเป็นพิษได้ ซึ่งก็สามารถเปลี่ยนมารับประทานเบต้าแคโรทีนแทนได้
เบต้าแคโรทีน เป็นหนึ่งในอาหารเสริมที่มีคุณสมบัติเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย สามารถทานได้ทุกเพศทุกวัย โดยเฉพาะผู้ที่ต้องการ สารอาหารที่ต้องการวิตามินเอ แต่ไม่ต้องการทานวิตามินเอโดยตรงสำหรับปริมาณในการรับประทานของวิตามินเอเพื่อรักษาสุขภาพโดยทั่วไปคือ
5,000 หน่วยสากล (IU) ซึ่งเทียบเท่ากับ เบต้าแคโรทีน 3 มิลลิกรัม
เบต้าแคโรทีนนั้น มีประโยชน์ต่อร่างกาย และผิวพรรณอย่างมาก คือ ช่วยให้มองเห็นในที่มืดได้ดี ลดความเสื่อมของเซลล์ของลูกตา ลดความเสี่ยงต่อการเป็นต้อกระจก ช่วยป้องกันผิวที่อาจเกิดจากอันตรายของรังสีอัลตราไวโอเลตที่มากับแสงแดดได้ จึงทำให้ผิวพรรณมีสุขภาพดี ไม่มีริ้วรอยแก่ก่อนวัย แลดูสดใสอยู่เสมอ นอกจากนี้ยังช่วยรักษาสภาพปกติของเซลล์เยื่อบุตาขาว กระจก ตา ช่องปาก ทางเดินอาหาร ทางเดินหายใจ รวมถึงทางเดินปัสสาวะให้เป็นปกติ และยังช่วยให้ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายทำงานได้ดีอีกด้วย
ใครบ้างควรรับประทาน
เนื่องจากเบต้าแคโรทีนสามารถเปลี่ยนไปเป็นวิตามินเอได้ จึงเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการวิตามินเอ เช่น เพื่อช่วยในการบำรุงสายตา
ผู้ที่มีปัญหาทางสายตา โดยเฉพาะสายตาไม่ค่อยดีในเวลากลางคืน
ขนาดที่แนะนำรับประทาน
ยังไม่มีการระบุที่แน่ชัดถึงขนาดที่รับประทาน แต่โดยทั่วไป จากการศึกษาแนะนำขนาด 2-7 มิลลิกรัมต่อวัน ขนาดสูงสุด 200 มิลลิกรัมต่อวัน
ข้อควรระวัง
เบต้าแคโรทีน เป็นสารอีกชนิดหนึ่งในกลุ่มแคโรทีนอยด์ที่พบว่าเมื่อรับประทานขนาดสูงติดต่อกันเป็นระยเวลานาน ทำให้เกิดอาการตัวเหลืองได้ เหมือนสารลูทีน แต่อาการตัวเหลืองเป็นอาการที่เกิดขึ้นชั่วคราว มื่อหยุดรับประทาน อาการตัวเหลืองจะหายไปได้ อาการแบบนี้ทางการแพทย์ เรียกว่า แคโรทีเนเมีย (Carotenemia)
ภก.พงษ์ศักดิ์ สง่าศรี