สารสกัดจากทับทิม (Pomegranate Extract)


สารสกัดจากทับทิม (Pomegranate Extract)

ทับทิมถือว่า เป็นผลไม้ชนิดหนึ่งที่มีประวัติในเรื่องของคุณสมบัติที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย และจัดว่ามีคุณสมบัติการเป็นยามาตั้งแต่อดีต ซึ่งในปัจจุบันมีการศึกษาถึงประโยชน์ของทับทิมมากขึ้น ทำให้มีการนำออกมาใช้และสกัดออกมาเป็นอาหารเสริมมากมาย ซึ่งก็ถือว่า เป็นผลไม้ที่มีประโยชน์ต่อร่างกายมากมายจริงๆ

ทับทิม เป็นพืชที่มีสารอาหารสูงและมีสารต้านอนุมูลอิสระในปริมาณมาก ทับทิม มีถิ่นกำเนิดบริเวณรอยต่อของเอเชียตะวันตกกับตอนบนของเอเชียใต้ ทับทิมเป็นพืชที่ได้รับความนิยมมากว่าพันปีแล้ว จึงมีการปลูกแพร่กระจายออกไปทั้งในเขตร้อน  (Tropical)  และกึ่งร้อน (Sub-tropical) ของทวีปเอเชีย ยุโรป รวมทั้งในทวีปแอฟริกาด้วย

ผลทับทิมประกอบไปด้วยสารที่เราเรียกว่า สารประกอบฟีนอลลิก หรือ ที่เราคุ้นๆหู กันก็พวกสารประกอบฟลาโวนอยด์ หรือ ไบโอฟลาโวนอยด์ ซึ่ง ชื่อนี้ คงคุ้นหูกันมากกว่า ชื่อแรกใช่ไหมครับ ซึ่งจริงๆแล้ว ในตัวทับทิม ยังมีสารในกลุ่มนี้ ที่มีชื่อเรียกย่อยลงไปอีก เช่น แอนโทรไซยานิดิน โปรแอนโทรไซยานิดิน แอลลาจิก แอซิด ซึ่งสารเหล่านี้ละที่อยู่ในทับทิม เป็นตัวที่จะไปออกฤทธิ์ต่างๆในร่างกาย เวลาที่เรารับประทานทับทิมเข้าไป และในปัจจุบัน เราก็พบว่า ด้วยเทคโนโลยีที่สูงขึ้น ก็สามารถสกัดเอาสารต่างๆที่เราต้องการ ออกมาเพื่อนำไปใช้ในการผลิตอาหารเสริมต่างๆได้

เราพบว่าสารสกัดจากทับทิม มีคุณสมบัติที่แตกต่างกันไป

ตามลักษณะสารที่ทำการสกัดหรือแยกออกมาใช้ในการผลิตอาหารเสริม เพราะว่า%e0%b8%aa%e0%b8%b2%e0%b8%a3%e0%b8%aa%e0%b8%81%e0%b8%b1%e0%b8%94%e0%b8%88%e0%b8%b2%e0%b8%81%e0%b8%97%e0%b8%b1%e0%b8%9a%e0%b8%97%e0%b8%b4%e0%b8%a1

สารแต่ละตัวก็มีการออกฤทธิ์ที่เด่นๆ แตกต่างกันไป  แต่จากการศึกษาเราพบว่า

สารสกัดจากทับทิม มีคุณสมบัติ ในการต้านอนุมูลอิสระ ช่วยป้องกันโรคในระบบหลอดเลือดและหัวใจ

โรคมะเร็ง โรคในระบบประสาท โรคติดเชื้อ

ปัจจุบันเทคโนโลยีที่ค้นพบและแยกสารสกัดได้ละเอียดมากขึ้น ยิ่งเป็นผลดีต่อการศึกษาและผู้บริโภค เพราะว่า บางครั้งเราก็ไม่สามารถที่จะรับประทานทับทิมได้ในทุกๆวัน การรับประทานในรูปแบบอาหารเสริม จึงเป็นทางเลือก ที่ดี โดยเฉพาะ ผู้ที่มีความเสี่ยงต่อโรคต่างๆ

จากการศึกษาวิจัยพบว่าเปลือก ทับทิมมีสารกลุ่มแทนนินสูงถึงร้อยละ 22-25 โดยประกอบด้วยสารกลุ่มแกลโลแทนนิน (gallotannin) และเอลลาจิแทนนิน (ellagitannin) ปริมาณสูง เปลือกทับทิมตากแห้งใช้เป็นยาแก้ท้องเดินและโรคบิดได้ สารกลุ่มเอลลาจิแทนนิน มีคุณสมบัติเป็นตัวต้านอนุมูลอิสระที่ดี   และสารโพลีฟีนอล ที่พบในทับทิม มีความสามารถยับยั้งปฏิกิริยาต้านอนุมูลอิสระ ของไขมันไม่ดี หรือแอลดีแอล-คอเลสเตอรอล (LDL-C)ลดการสร้างโฟมเซลล์ และลดการแข็งตัวของหลอดเลือด

การศึกษาทางคลินิกพบว่าน้ำทับทิมมีผลดีต่อการป้องกันการเกิดโรคหัวใจ น้ำทับทิมลดความข้นของเลือดจากภาวะไขมันสูง ช่วยให้เลือดสูบฉีดไป ยังหัวใจได้ดีขึ้น โดยลดความหนาของผนังหลอดเลือดคาโรติด ช่วยการทำงานของไนตริกออกไซด์ทำให้กล้ามเนื้อเรียบผ่อนคลาย ลดภาวะการแข็งตัวของหลอดเลือดจากไขมันในเลือดสูง ลดความดันเลือดหยุดการสะสมไขมันและสลายไขมันสะสมที่หลอดเลือดด้วย

ในด้านของผิวพรรณ ทับทิมสามารถช่วยกระตุ้นการเจริญเติบโตของเซลล์ผิวใหม่ ช่วยซ่อมแซมเนื้อเยื่อที่ถูกทำลาย ได้โดยเพิ่มการไหลเวียนของเลือดไปสู่ผิวหนังได้มากขึ้น%e0%b8%9c%e0%b8%b4%e0%b8%a7%e0%b8%aa%e0%b8%a7%e0%b8%a2%e0%b8%94%e0%b9%89%e0%b8%a7%e0%b8%a2%e0%b8%aa%e0%b8%b2%e0%b8%a3%e0%b8%aa%e0%b8%81%e0%b8%b1%e0%b8%94%e0%b8%88%e0%b8%b2%e0%b8%81%e0%b8%9c%e0%b8%a5

ช่วยปกป้องผิวหนังจากแสงแดด โดยมีสารต้านอนุมูลอิสระคอยกำจัดอนุมูลอิสระในร่างกายที่เกิดขึ้นจากการถูกระตุ้นโดยแสงแดดจึงช่วยป้องกัน การเกิดฝ้า กระและมะเร็งผิวหนังได้  และโมเลกุลของสารในทับทิมจะช่วยปกคลุมผิว ทำให้ผิวเกิดความชุ่มชื้น

ใครบ้างควรทานสารสกัดจากทับทิม

เนื่องจากเราพบว่าสารสกัดจากผลทับทิม มีสารอาหารในกลุ่มต่างๆที่มีประโยชน์ต่อระบบต่างๆในร่างกาย  จึงมีรายงานการศึกษาที่ได้ประโยชน์ต่อกลุ่มคนเหล่านี้

ผู้ที่มีไขมันในเลือดสูง

ผู้หญิงวัยหมดประจำเดือน

ผู้ป่วยโรคเบาหวาน

ผู้ป่วยโรคมะเร็ง

ผู้ที่อยากให้ผิวพรรณสดใส

ข้อควรระวัง

การดื่มน้ำทับทิมค่อนข้างปลอดภัย  แต่การทาผิวด้วยสารสกัดจากทับทิมในบางรายอาจเกิดแพ้ มีผื่นแดง คัน น้ำมูกไหลได้ส่วนรากของทับทิมอาจมีผลต่อความดันโลหิต และการแข็งตัวของเลือด จึงต้องหยุดรับประทานอย่างน้อย 2 สัปดาห์ก่อนเข้ารับการผ่าตัด แต่สารสกัดปัจจุบันมีความบริสุทธิ์สูง ซึ่งทำให้อาการข้างเคียงเหล่านี้ลดลงได้

ภก.พงษ์ศักดิ์ สง่าศรี